การใช้งาน Fibonacci Indicator
สำหรับใครที่เป็นเทรดเดอร์ในตลาดฟอร์เร็กซ์ ควรมี Fibonacci Indicator ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเทรด ที่ช่วยให้ค้นหาเป้าหมายแนวรับ แนวต้านของราคา เพื่อกำหนดจุดเข้าออกอย่างถูกต้องและแม่นยำมากที่สุดและได้รับความนิยม
การใช้งาน Indicator Fibonacci เพื่อทำการวิเคราะตลาด สิ่งที่นักลงทุนทุกคนควรเริ่มเข้าดูให้เข้าใจก่อนว่าตลาดกำลังอยู่ในทิศทางใด หรือกำลังไปในทางไหน หรืออยู่ในช่วงขาขึ้นหรือลง จึงจะสามารถค้นหาจุดต่ำสุดและสูงสุดได้ เมื่อค้นหาเส้นเหล่านี้ได้ครบจะช่วยให้ลากเส้นเข้าหากันได้ง่าย ๆ เช่น หากพบว่าตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น ให้เลือกลากเส้นจากจุดสูงสุดมายังจุดต่ำสุด แต่ถ้าเป็นช่วงตลาดขาลง ให้ลากเส้นจากจุดต่ำสุดไปยังจุดสูงสุด
Fibonacci Indicator มีรูปแบบเส้นที่นำมาใช้งานบ่อย คือ
- จุดเริ่มต้น คือเส้นของราคาที่จะถูกนำมาคำนวณ เรียกว่า เส้น 0% หรือ 0.00
- ประตูแนวต้าน – แนวรุก หากราคาหุ้นส่วนใหญ่ที่สามารถมาแตะที่เส้นนี้ได้ถือว่าปกติ เรียกว่า เส้น 25% หรือ 0.25
- แนวต้าน -แนวรับที่สอง เรียกว่า เส้น 38% หรือ 0.38
- แนวต้าน -แนวรับหลัก หากราคามารวมอยู่ที่เส้นนี้จะเป็นการตัดสินใจว่าราคาจะพุ่งขึ้นไปต่อหรือจบที่นี่ เรียกว่า เส้น 50% หรือ 0.50
- ด่านสุดท้าย เมื่อราคาหลุดจากเส้นนี้ไปได้ให้นักลงทุนจับตาดูที่เส้นต่อไปได้เลย เรียกว่า เส้น 61% หรือ 0.61
- สำหรับเส้นนี้ถือว่าเป็นเส้นที่มีความสำคัญสูงสุด หากทั้งเส้นจบราคาที่เลือกนำมาคำนวณและราคานั้นตีกลับถึง 100% หรือไม่ เรียกว่า เส้น 100% หรือ 1
การเลือกใช้ Indicator Fibonacci เพื่อหาแนวโน้มในการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของราคา ที่อาจมีการกลับตัว ในการลากเส้นวิธีนี้ จะช่วยให้เทรดเดอร์ทุกคนสามารถปรับทำความเข้าใจ และ ช่วยในการวิเคราะห์เพื่อจับทิศทางของราคา ยิ่งถ้าตลาดมีราคาที่ผันผวนหรือขึ้นลงมาก วิธีการลากเส้นจะทำให้มองเห็นถึงภาพและอ่านกราฟได้แม่นยำมากขึ้นแม้ว่าราคาสินทรัพย์ในตลาดไม่นิ่งก็ตาม
เทคนิคในการมองหาเป้าหมายของการเลือกใช้งาน Indicator Fibonacci ซึ่งจะมีค่าตัวเลขที่มีมากกว่า 100 ขึ้นไป เพราะเป้าหมายของราคาในกราฟอาจจะทำให้มีจุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดได้ตลอด ควรเลือกมองในมุมแบบกว้าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น รวมถึงการมองหาจุด Take Profit (TP) ซึ่งเป็นจุดสำคัญของการการลากเส้น สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ในการเทรดควรเลือกฝึกฝนบ่อย ๆ เพราะราคาในตลาดไม่หยุดนิ่ง บางครั้งผันผวนมากทำให้วิเคราะห์ได้ยาก ทำให้ต้องเลือกใช้ประสบการณ์และความชำนาญในการลาก เมื่อมั่นใจจึงจะทำรายการขายหรือไม่ขาย จะช่วยให้ตัดสินใจได้อม่นยำมากยิ่งขึ้นา
